“ทองคำ” อีกทางเลือกสำหรับการลงทุน

0
724
kinyupen

ปัจจุบันทางเลือกการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินสำหรับผู้สนใจมีมากมายหลายรูปแบบ ทั้งการฝากประจำ กองทุน หุ้น หรือ ตราสารหนี้ สามารถเลือกได้ตามความสนใจ หรือ ความเหมาะสม “ทองคำ” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนและหุ้นอีกหลายประเภท ซึ่งวันนี้กินอยู่เป็น 360องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอนำไปรู้จักการลงทุนประเภทนี้กัน

 

“ทองคำ” คือ สินทรัพย์ที่สากลให้การยอมรับ โดยธนาคารแห่งชาติทั่วโลกนิยมใช้เป็นส่วนหนึ่งในกองทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ราคาทองคำจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัวบ่งชี้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกช่วงนั้นได้ด้วย ขณะเดียวกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผู้คนก็นิยมซื้อทองคำเพื่อสะสมเป็นเครื่องประดับ และเชื่อว่าเป็นทรัพย์ สินที่ซื้อง่าย ขายคล่องที่สุดตัวหนึ่งหากในระยะกว่า 10 ปีให้หลัง ผู้คนเริ่มซื้อทองเพื่อการลงทุน และเก็งกำไร

 

การลงทุนทองคำโดยทั่วไปมี 2 ประเภท คือ ทองคำแท่ง และ ทองคำรูปพรรณ มีความต่างในรายละเอียดดังนี้

ทองคำแท่ง

  • น้ำหนัก1 บาท = 15.244 กรัม
  • มักมีกำหนดการซื้อขั้นต่ำและอาจมีค่าบล็อก
  • ไม่มีค่ากำเหน็จจึงถูกกว่าทองคำรูปพรรณ เวลาขายคืนไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือ มีก็น้อยกว่า
  • ทองคำแท่งที่ลงทุนโดยทั่วไปมี 2 ประเภท คือ ความบริสุทธิ์ 96.5% และ 99.99% โดยในประเทศไทยนิยมลงทุนประเภทแรกมากกว่า และนิยมซื้อขายกันในขนาดตั้งแต่ 5 บาท, 10 บาท, 20 บาท และ 50 บาท
  • ทองคำแท่งเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรมากกว่า

 

ทองคำรูปพรรณ

  • น้ำหนัก1 บาท = 15.16 กรัม
  • ซื้อตามน้ำหนักที่ต้องการได้เลย สามารถนำมาสวมใส่เป็นเครื่องประดับได้ในระหว่างที่ถือครอง
  • มีค่ากำเหน็จในการทำทอง โดยจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับร้านและลวดลายของทองที่ซื้อ
  • เมื่อขายคืนจะถูกหักค่าเสื่อมประมาณ5% (ขึ้นกับร้านที่นำไปขาย แนะนำให้ซื้อร้านไหนขายร้านนั้น)
  • ทองรูปพรรณเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเก็บเป็นสินทรัพย์ระยะยาว หรือ เป็นมรดกตกทอดมากกว่าลงทุนเพื่อทำกำไรระยะสั้น

ทั้งนี้การลงทุนทองคำทำได้หลายแบบ โดยมือใหม่อาจใช้วิธี 2 วิธีเริ่มต้นง่ายๆ คือ

 

1.ลงทุนผ่านการซื้อทองคำจากร้านทองที่ได้มาตรฐานโดยตรง สามารถเข้าไปซื้อด้วยตนเองเลย แล้วเลือกเก็บรักษาตามที่สะดวก มีทั้งในรูปแบบสัญญาถือครอง หรือ ตั๋วทอง, ซื้อทองคำมาเก็บรักษาเอง หรือ ฝากไว้กับร้านทองก็ได้ แต่สำหรับผู้ที่ซื้อทองคำแท่งราคาน้อยกว่า 5 บาท ต้องเสียค่าบล็อกเป็นราคา 2% ของราคาทองด้วย

 

นอกจากนี้ ร้านทองปัจจุบันยังมีรูปแบบบริการใหม่ๆ ออกมาให้เลือกซื้อ อาทิ ซื้อทองแบบ “ออมทอง” คือ เก็บเงินออมขั้นต่ำเพียงเดือนละ 1,000 บาท โดยจะได้ปริมาณทองตามราคาตลาดในวันที่ออม สะสมไปเรื่อยๆ จนครบตามราคาที่ซื้อ ก็สามารถ ”ถอน” ทองที่ออมในรูปแบบทองคำแท่ง หรือ ขายคืนเป็นเงินสดเพื่อทำกำไร

 

อีกรูปแบบของการซื้อขายทอง คือ “Gold Future” ที่ผู้ให้บริการจะเป็นร้านทองขนาดใหญ่ หรือ บริษัทหลักทรัพย์สังกัดธนาคารต่างๆ โดยการซื้อขายหุ้นทองจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมทั้งการซื้อเข้าและขายออก โดยผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม การซื้อขาย Golf Future นี้เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการเก็งกำไรราคาทองในแต่ละวัน

 

2.ลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ วิธีนี้จะสะดวกตรงที่มีผู้จัดการกองทุนรวมเป็นดำเนินการให้โดยไม่ต้องเดินไปซื้อที่ร้านทองด้วยตัวเอง ถือเป็นวิธีที่ง่าย ใช้งบน้อย ไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากก็ลงทุนได้ นอกจากนี้มีโอกาสรับผลตอบแทนระหว่างการลงทุน ทั้งในรูปแบบของเงินปันผล (หักภาษี ณ ที่จ่าย 10%) หรือ กำไรจากส่วนต่างในมูลค่าหน่วยลงทุน (Capital Gain) โดยไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย แต่ก็จะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการและการถือครอง

 

 

อย่างไรก็ตาม ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนตลอดเวลาตามปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก เช่น ค่าเงิน และนโยบายการเงินของธนาคารทั่วโลกจึงมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ดังนั้นผู้ที่สนใจลงทุนจึงควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ รวมถึงพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่าสามารถแบกรับความเสี่ยงได้เพียงใดก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

 

ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของคณะผู้เขียน ซึ่งการลงทุนมีความเสี่ยงดังนั้นผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ขอบคุณข้อมูล Plearn เพลิน by Krungsri Guru

kinyupen